Me

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

โรคมะเร็ง

โรคมะเร็ง สมุนไพร รักษามะเร็ง
Tags: สมุนไพร เห็ดหลินจือ หญ้าปักกิ่ง เจียวกู้หลาน สมอ รักษามะเร็ง

สมุนไพรบำบัดรักษาโรคมะเร็ง ต้านและยับยั้งเชื้อมะเร็ง ได้แก่ เห็ดหลินจือ มะข้ามป้อม สมอไทย สมอพิเภท หญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา ปัญจขันธ์ สมุนไพรเหล่านี้นอกจากยับยั้งโรคมะเร็งแล้วยังเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่าง กายด้วย


สมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง หญ้าปักกิ่ง มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภท เห็ดหลินจือ ปัญจขันธ์

มะเร็ง คือ เซลล์เนื้อร้ายที่เจริญเติบโตผิดปกติ แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ดีที่อยู่โดยรอบ เมื่อเข้าไปในเส้นเลือดและน้ำเหลือง แล้วจะกระจายไปในอวัยวะต่างๆ ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นเสื่อมไป

ส่วนสาเหตุของโรคมะเร็งเกิดได้ 3 ทาง คือ
  • เกิดจากจากทางพันธ์กรรม
  • เกิดจากการได้รับสารก่อมะเร็ง เช่น สารเคมี รังสี ไวรัส สารพิษจากสิ่งแวดล้อม
  • เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมและการโภชนาที่มากไป น้อยไม่ ไม่พอดี
เมื่อสารก่อมะเร็งเข้าไปในร่างกายจะไปจับยีนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น เกิดการกลายพันธุ์ หรือกระตุ้นยีนมะเร็งให้แสดงออกมากขึ้น โดยให้เซลล์ปกติเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งแล้วแบ่งตัวไปเรื่อยๆ ไม่หยุด จนเป็นก้อนมะเร็งใหญ่

โรคมะเร็งป้องกันได้

ร่างกายคนเรามีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น แต่เราชนะไม่ป่วยเป็นมะเร็งได้เพราะ ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งด้วยระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถต่อสู้กับ มะเร็งได้ ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลายด้วยวิธีต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่ การกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ อาหารไม่สะอาดเต็มไปด้วยสารพิษ สารก่อมะเร็ง การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ และการไม่ออกกำลังกาย

พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจะช่วยป้องกันโรคนี้ได้บ้าง
  1. การรับประทานอาหารที่มีเส้นใย (Fiber) มาก อาหารที่มีวิตามินเอ ซี อี สูง เช่น กระเทียม หัวหอม ผักใบเขียว ผัก ผลไม้ ตลอดทั้ง อาหารสมุนไพร เครื่องประกอบอาหารต้องปลอดเชื้อราและสารพิษ
  2. ลด อาหารไขมันสัตว์
  3. เลิก อาหารกระป๋อง อาหารที่มีสีสังเคราะห์และสารเคมี เช่น สารกันปูด สีที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร
  4. เลี่ยง อาหารปิ้ง ย่าง เผา อบ รมควัน
ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรรับประทานผักผลไม้เพราะผักผลไม้หลายชนิดมีคุณสมบัติเป็น ตัวกำจัดอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) และสารฆ่ามะเร็ง ในวันหนึ่งๆ ควรได้ผัก 30% ผลไม้ 10% ถั่วและปลา 10% และข้าวกล้อง หรือ มัน เผือก 50%


สมุนไพรบำบัดรักษาโรคมะเร็ง
Tags: เห็ดหลินจือ รักษามะเร็ง
เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็ง

นพ. บรรเจิด ตันติวิท ได้กล่าวถึงเห็ดลินจือสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ จากหนังสือ "หลิงจือ กับ ข้าพเจ้า" ซึ่งได้พูดถึงเหตุผลว่าทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคมะเร็งได้

ทำไมเห็ดหลินจือถึงรักษาโรคมะเร็งได้

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าทำไมถึงไม่เป็นมะเร็ง เหตุผลที่เราไม่เป็นมะเร็งก็เพราะ
  • ร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกัน
  • ร่างกายเรามีระบบแอนติออกซิแดนต์ (Antioxidants) ที่สามารถต่อสู้ ขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ DNA เกิดการเปลี่ยนแปลง
มารู้จักอนุมูลอิสระสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งกันก่อนว่า คืออะไร
อนุมูลอิสระ เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร เป็นของเสียที่ร่างกายต้องกำจัด ซึ่งอนุมูลอิสระเกิดจากการที่ร่างกายใช้ออกซิเจนเป็นเชื้อเพลิงในการเผาผลาญ และเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น ยา อาหาร บุหรี TV โทรศัพท์มือถือ อื่นๆ

เมื่อเซลล์ถูกโจมตีโดยอนุมูลอิสระ จะกลายเป็นของเสีย และที่สำคัญ DNA ที่ถูกอนุมูลอิสระโจมตีอาจกลายพันธุ์ เป็นเซลล์มะเร็งได้

ในร่างกายเราจะมีแอนติออกซิแดนต์ช่วยในการขจัดอนุมูลอิสระ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นความสามารถในการผลิตแอนติออกซิแดนต์ น้อยลง ในขณะที่อนุมูลอิสระกลับมากขึ้นเนื่องจากร่ายกายเผาผลาญไม่สมบูรณ์ เกิดเป็นของเสียมากขึ้น ด้วยสาเหตุนี้เราถึงเป็นมะเร็งเมื่ออายุมาก

เห็ดหลินจือช่วยได้ เพราะ เห็ดหลินจือเป็นแอนติออกซิแดนต์สามารถขจัดอนุมูลอิสระได้ ลดการเกิดของมะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็ง

โดยปกติผนังเซลล์ในร่างกายเราจะมีศักย์ไฟฟ้า สังเกตง่ายๆตอนแพทย์ตรวจคลื่นหัวใจ คลื่นสมอง จะมีกราฟแสดงการขึ้นลง และศักย์ไฟฟ้าของเซลล์แต่ละอวัยวะจะมีคลื่นไม่เหมือนกัน

เซลล์ที่เกิดการอับเสบ หรือถูกอนุมูลอิสระก่อกวน ก็จะมีศักย์ไฟฟ้าที่แปรปรวนผิดไป รวมถึงอารมณ์และความเครียดด้วยที่ทำให้ ศักย์ไฟฟ้าแปรปรวน

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เซลล์ที่เป็นมะเร็งแล้วจะมีค่าศักย์ไฟฟ้าสูง เพราะเซลล์มะเร็งโตเร็วต้องการพลังงานมาก

การที่ค่าศักย์ไฟฟ้าสูงทำให้เกิดปัญหาว่า เมื่อเม็ดเลือดขาวจะเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง เจอศักย์ไฟฟ้าสูงทำให้หมดสภาพ ไม่สามารถเอาชนะเซลล์มะเร็งได้ ด้วยเหตุนี้การรักษามะเร็งด้วยวิธีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างเดียวจึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

เห็ดหลินจือช่วยได้ คือ เห็ดหลินจือช่วยทำให้ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์มะเร็งต่ำลง ทำให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปต่อสู้ทำลายเซลล์มะเร็งได้ เพราะ เห็ดหลินจือมีสารเยอมาเนียมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและมีโครงสร้างที่ สามารถจับกับอิเล็กตรอนทำให้ศักย์ไฟฟ้าบริเวณเซลล์มะเร็งต่ำลง เมื่อศักย์ไฟฟ้าของเซลล์มะเร็งต่ำลงทำให้เม็ดเลือดขาวต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ได้ เพราะเหตุนี้เห็ดหลินจือจึงสามารถรักษาโรคมะเร็งโดยใช้ระบบภูมิคุ้มของร่าง กายได้

เห็ดหลินจือช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และให้ภูมิคุ้มกันเป็นตัวกำจัดมะเร็งเอง เนื่องจาก เห็ดหลินจือมีสารเยอรมาเนียมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแล้วยังมีสารโพลี แซคคาไรด์อีกตัวที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และยังโปรตีน Lz-8 ในเห็ดหลินจือที่ช่วยปรับภูมิคุ้มกันให้ทำงานเป็นปกติไม่ผิดเพี้ยน

สรุป เห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคมะเร็งได้เพราะ
  1. เห็ดหลินจือเป็นแอนติอ็อกซิแดนต์ที่ดี สามารถขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
  2. เห็ดหลินจือช่วยทำให้ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์มะเร็งต่ำลง ทำให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปต่อสู้ทำลายเซลล์มะเร็งได้
  3. เห็ดหลินจือช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในแก่ร่างกายปรับ สมดุลไม่ให้ทำงานผิดเพี้ยน เมื่อภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็สามารถต่อสู้กับเชื้อมะเร็งได้
  4. การทำคีโม นอกจะทำลายเซลล์มะเร็งแล้ว เซลล์ปกติบริเวณรอบข้างก็ถูกทำลายไปด้วย ซึ่งต่างจากเห็ดหลินจือ ที่เห็ดหลินจือทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกัน คือ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงทำงานเป็นปกติไม่ผิดเพี้ยน แล้วให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเรานี้เป็นตัวจัดการกับเซลล์มะเร็งเอง ทำให้เซลล์ปกติอื่นไม่โดนทำลาย เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถแยกแยะได้ว่าเซลล์ไหนเป็นเซลล์ดีหรือเซลล์ ไม่ดี
  5. การทำคีโม มีผลข้างเคียงทำให้เม็ดเลือดขาวลดลง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเม็ดเลือดขาวแห้ง เพราะยาที่ใช้ทำคีโมมีพิษมาก เห็ดหลินจือสามารถช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้นได้ จึงลดผลข้างเคียงของการทำคีโมได้บ้าง
  6. คนที่เป็นโรคมะเร็ง มักจะทานยาแผนปัจจุบันเยอะ รวมถึงทำคีโมด้วย ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่าการทานยาแผนปัจจุบันมาก เป็นเวลาติดต่อกัน มีผลข้างเคียงคือ ตับโดนทำลาย โดยเฉพาะการทำคีโมทำให้ตับเสื่อม เห็ดหลินจือช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพตับ ทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น
  7. เห็ดหลินจือมีความปลอดภัยสูง จัดเป็นยาบำรุงร่างกาย ยาอายุวัฒนะ ทานติดต่อกันได้เป็นเวลานาน


มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก กับการยับยั้งเชื้อมะเร็ง

สภาวิจัยแห่งชาติสนับหนุนนักวิจัยจากธรรมศาสตร์ ซึ่งค้นพบว่าสารสกัดจากสมุนไพร 3 ชนิดคือ มะขามป้อม สมอไทยและ สมอพิเภก สามารถหยุดมะเร็งและยับยั้งเซลล์ร้าย

โดยทดลองฆ่าเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการวิจัยได้ผลดี แต่ยังไม่ได้ศึกษาในสัตว์และผู้ป่วยจริง เผยผลวิจัยปูทางผลิตเป็นยาสยบมะเร็งสำคัญที่คร่าชีวิตคนไทย ทั้งมะเร็งตับ ปอด ปากมดลูกและอื่นๆ

ผศ.ดร.สีหณัฐ ธนาภรณ์ สาขาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก สารสกัดสมุนไพร 3 ชนิดนี้ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้

การทดลองใช้ระบบมาตรฐานของสหรัฐ โดยเพาะเลี้ยงเซลล์ในจานหลุมและนำสารสกัดมาทดสอบทีละชนิด พบว่ามะขามป้อม สมอไทยและสมอพิเภก สามารถช่วยลดสารก่อมะเร็ง ทั้งยังฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีอีกด้วย

ด้าน ดร.ชาตรี งามกิติเดชากุล สาขาชีวเคมี สถานวิทยาศาสตร์ฯ หนึ่งในทีมวิจัย เสริมว่า เซลล์มะเร็งที่ทีมวิจัยนำมาทดสอบด้วยการเพาะเลี้ยง ได้แก่ เซลล์มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก รังไข่ ลำไส้และเต้านม

ผลสรุปที่แน่ชัดว่า มะขามป้อม สมอพิเภกและสมอไทย มีฤทธิ์ยับยั้งและสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ 100% โดยมีหลักฐานการทดลองยืนยันถึง 6 ขั้นตอน จากนั้นจะนำไปทดสอบในเชิงคลินิก หรือทดสอบในคนต่อไป
[ข่าวจาก น.ส.พ.คมชัดลึก วันอังคารที่ 3 ต.ค. 2549]

หญ้าปักกิ่ง หรือหญ้าเทวดา กับการยับยั้งโรคมะเร็ง

ภ.ญ.ปัทมา สุนทรศารทูล อธิบายสรรพคุณว่า หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง

ประวัติการรักษาโรคมะเร็งในประเทศนั้น ภญ.ปัทมา กล่าวว่า ประมาณปี 2527 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าเทวดาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจาก โรคมะเร็ง สามารถยืดชีวิตต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ทำให้หญ้าเทวดาเป็นที่สนใจมาก นอกจากนั้นมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน ขอให้นำไปพักรักษาที่บ้าน แต่ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำหญ้าปักกิ่งคั้นสด 1 ปีต่อมายังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลของผู้ป่วยรายนี้กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของหญ้าเทวดา

ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาโรคมานับพันปีแล้ว รักษาสารพัดโรคครอบจักรวาล เช่น บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยทำวิจัยคุณสมบัติหญ้าปักกิ่ง พบว่า ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งสารที่แสดงฤทธิ์ คือกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์

หญ้าปักกิ่ง กลีบดอกสีฟ้าหรือสีม่วงอ่อน มีสรรพคุณเสริมภูมิต้านทาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น

ด้านสรรพคุณทางยาจากข้อมูลยืนยันด้านวิทยาศาสตร์ พบว่า ในน้ำคั้นสดหญ้าปักกิ่งมีสารกลัยโคสฟิงโกไลปิดส์ (จี1บี) มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้เซลล์มะเร็งรุนแรงเพิ่มขึ้น ต้านการกลายพันธุ์ของยีน และยังเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายด้วย

ในการนำหญ้าปักกิ่งมาใช้ เพื่อให้ได้สารกลัยโคสฟิงโกไลปิดส์ (จี1บี) ครบ ควรใช้หญ้าปักกิ่งที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ในกรณีที่ปลูกโดยใช้การปักชำ แต่หากใช้วิธีการปลูกด้วยเมล็ดต้องใช้ หญ้าปักกิ่งที่มีอายุตั้งแต่ 5 เดือนขึ้นไป ก่อนนำหญ้าปักกิ่งทั้งต้นและรากมาคั้นเอาน้ำ ต้องล้างทำความสะอาดให้ปราศจากสิ่งปนเปื้อนไม่ว่าดินและสารเคมี

ปริมาณในการดื่ม ดื่มครั้งละ 50 ml วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ก่อนอาหาร ในการรับประทาน ควรรับประทานเป็นรอบ คือ รับประทาน 7 วัน แล้วหยุด 4 วัน แล้วเริ่มรับประทานรอบใหม่

กรณีต้องการเสริมภูมิต้านทาน ไม่ได้เป็นมะเร็ง ไม่ควรบริโภคเกิน 6-8 สัปดาห์ กรณีลดผลข้างเคียงของการฉายรังสีหรือเคมีบำบัด ของผู้ป่วยมะเร็ง ควรรับประทานเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน กรณีป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและกันการกลับเป็นซ้ำ ควรทานติดต่อกันประมาณ 1 ปี พร้อมทั้งตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง

ไม่ควรรับประทานของแสลง ซึ่งมีผลให้ฤทธิ์ยาอ่อนลง เช่น ฟักแฟง แตงกวา ผักกาดขาว มะระ หน่อไม้ หัวไชเท้า และผักบุ้ง

ปัญจขันธ์


นพ.สมทรง รักษ์เผ่า อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดปัญจขันธ์หรือ เจียวกู่หลาน เป็นพืชล้มลุกชนิดเถา พบมากในประเทศญี่ปุ่น จีน และในไทยสามารถปลูกได้คุณภาพดีที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ตัวยาที่สกัดได้แสดงฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์เอชไอวีโพรทีเอส ทำให้เชื้อไวรัสเอชไอวีไม่เพิ่มจำนวน มีฤทธิ์เสริมภูมิต้านทานในหลอดทดลอง เมื่อทดสอบกับสัตว์ทดลอง ไม่พบพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรัง นอกจากนั้น เมื่อทดสอบในอาสาสมัครให้รับประทานสารสกัดในแคปซูล พบว่า มีความปลอดภัย ทางสถาบันวิจัยสมุนไพรเตรียมขยายผลนำสมุนไพรมาพัฒนาเป็นยาทดแทนการใช้ยาแผน ปัจจุบัน ทั้งนี้ในญี่ปุ่นและจีนใช้ปัญจขันธ์เป็นยาต้านการอักเสบ แก้ปวด แก้ไอขับเสมหะ ลดระดับไขมันในเลือด เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการเติบโตของเนื้องอก รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด

ในปี 2543 กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำการวิจัยพบสารต้านอนุมูลอิสระ ถึง 3 ชนิด คือ
  1. เควอซิติน ( Quercetin )
  2. เคมเฟอรอล ( Kaempferol ) เป็นสารกลุ่ม ฟลาโวนอยส์ ( Flavonoids ) มีคุณสมบัติ
    • ป้องกันการดูดซึมของน้ำตาลในลำไส้เล็ก
    • ทำให้กระแสเลือดหมุนเวียนดี และหลอดเลือดแข็งแรง
    • ยับยั้งการก่อสารมะเร็งเลือด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่
    • ลดอาการแพ้ ยืดอายุเม็ดเลือดขาว
  3. โพลีฟีนอล ( Polyphenols ) มีฤทธิ์ป้องกัยอนุมูลอิสระ ลดความเครียด เนื่องมากจากความไม่สมดุลของร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอกเลือดหัวใจ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร


Book Reference:
หนังสือ "หลิงจือ กับ ข้าพเจ้า" โดย นพ. บรรเจิด ตันติวิท
ชุดนิทรรศการ การแพทย์แผนไทย สถาบันแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
น.ส.พ.คมชัดลึก วันอังคารที่ 3 ต.ค. 2549
 
Related Link: [WebSite External Reference]
กองการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง


http://www.alternativecomplete.com/alternative5.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ลอง ฟัง ดู